วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

"เตรียมตัวอย่างไร?" เมื่อแฮมสเตอร์ท้อง....

     มีหลายๆคนคงเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ วันดีคืนดีก็มีเจลี่แบร์แดงๆ ออกมานอนอยู่ในกรงแฮมสเตอร์ของเรา และก็จะเกิดคำถามขึ้นว่า ท้องเมื่อไหร่? ท้องตอนไหน? ดูยังไงว่าท้อง? อ้าวคลอดแล้วเราต้องทำอะไรบ้าง? ต้องเปลี่ยนที่อยู่ให้เขาไหม? แบรๆๆ และคำถามอีกมากมาย งั้นวันนี้เราก็มารู้จักวิธีสังเกตว่าแฮมสเตอร์ของเรานั้นม้องหรือเปล่า และถ้าท้องแน่ๆแล้วเราต้องทำอย่างไรบ้าง

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ธรรมชาติและปัญหาของแฮมสเตอร์

    หลายๆท่านคงปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งเมื่อเราเลี้ยงแฮมสเตอร์ก็นำความกังวลมาสู่เรานอกเหนือจากความน่ารักน่าชัง แต่ความกังวัลที่มีมานั้นหากว่าเรารู้และมีแนวทางแก้ไข สิ่งเหล่านี้ย่อมคลายกังวลไปได้อย่างมาก ซึ่งความกังวลเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็จะมาจากเรื่องต่อไปนี้

การกินพวกเดียวกัน
     หลายๆครั้งที่แฮมสเตอร์ตัวแม่ได้ให้กำเนิดลูกน้อยออกมา และในเวลาไม่นานลูกน้อยบางตัวก็จะถูกแม่กินไป การที่แฮมสเตอร์กินลูกตัวเองนั้น เกิดจากหลายๆสาเหตุ เช่น แม่หนูยังเด็กเกินไป ไม่พร้อมที่จะมีลูก เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึ่งส่วนใหญ่จะพบบ่อยในแม่หนูแฮมสเตอร์ที่อายุน้อยกว่า 4 เดือน บางที่อาจตั้งท้องมาจากร้านขาย และยังมีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้แม่หนูกินลูก เช่น ลูกที่ออกมาไม่แข็งแรง พิการ มีลูกมากเกินไป และโดนรบกวนโดยเจ้าของ หรือสัตว์อื่น มีกลิ่นคนติดลูก การที่แม่หนูทำลายลูกตัวเองก็เพราะความปลอดภัย ดังนั้นเราควรปล่อยเค้าให้อยู่เงียบๆ ไม่ต้องไปคอยส่องคอยดู เรามีหน้าที่ให้อาหารให้น้ำ และเมื่อลูกหนูโตได้สัก 2 สัปดาห์ เราค่อยไปสำรวจว่าเค้าเป็นอย่างไร ที่เค้าอยู่สกปรกมั้ย ค่อยๆเปลี่ยนทำความสะอาด แต่ย้ำว่าให้ลูกหนูมีอายุ 2 สัปดาห์ขึ้นไปนะค่ะ ถึงค่อยไปยุ่งกับเค้า

การทอดทิ้งลูกของแม่แฮมสเตอร์
     หลายๆคนเมื่อแม่หนูคลอดลูก ก็จะเริ่มมีคำถามเข้ามา ทำไมแม่หนูถึงไม่เลี้ยงลูกล่ะ ทำไมแม่หนูถึงชอบไปนอนคนละมุมกับลูก ...แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ตื่นตัวตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาที่เค้าท้อง แต่เขาก็จะหมั่นเข้ารังไปดูลูกน้อยเค้าอยู่เสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราพบว่าแม่หนูทอดทิ้งลูกไปเลย เช่นไปทำรังและอาศัยอยู่อีกที่ไปเลย และไม่กลับมาดูแลลูกต่อ อย่างน้อย 1 วัน เราอาจจะต้องหาแม่บุญธรรมให้ลูกหนูใหม่ แต่ถ้าเราปล่อยลูกหนูไว้กับแม่อีกวัน แล้วพบว่าลูกน้อยยังมีชีวิตรอด แสดงว่าแม่หนูเค้าจะเข้ามาเลี้ยงในขณะที่เราไม่ไปยุ่งกับเค้า และด้วยเหตุนี้ เราจึงควรปล่อยแม่หนูที่กำลังเลี้ยงอ่อนๆไว้ในที่เงียบสงบ ไม่สิ่งรบกวน และปลอดภัย

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

"ยา...ต้องห้าม" สำหรับแฮมสเตอร์

     เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย "ยา" เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาให้อาการเจ็บป่วยหายได้ แต่ยาบางชนิดเป็นอันตราย และเป็นยาต้องห้ามสำหรับแฮมสเตอร์ เพราะยาปฏิชีวนะบางตัวเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง หรืออาจเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้ จึงไม่ควรนำมาใช้กับแฮมสเตอร์อย่างเด็ดขาด

ยาปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์มีดังนี้
- Amoxycillin (ตัวนี้จะอยู่ในยาแก้อักเสบ ตัวนี้ผู้เขียนเองก็แพ้)
- Ampicillin
- Carbenicillin
- Cefoxitin
- Cephalexin
- Chloramphenicol
- Clindamycin
- Dihydrostreptomycin
- Erythromycin
- Gentamicin
- Lincomycin
- Penicillin
- Streptomycin
- Tetracyline
- Vancomycin
(ตัวยาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อต่างๆ)

"โรคภัยไข้เจ็บ..." ของเจ้าหนูแฮมสเตอร์

     "ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ" แต่ทุกชีวิตล้วนต้องมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ก็ตาม...
     สัตว์ตัวเล็กๆ อย่างแฮมสเตอร์ ก็ต้องมีการเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งโรคที่จะพบในแฮมสเตอร์ก็มีไม่กี่โรค การรักษาก็ตามอาการตามโรคที่เป็ร แต่เราก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้ แต่เมื่อแฮมสเตอร์เกิดป่วยขึ้นมาล่ะเราต้องทำอย่างไร?  ...ที่นี่มีคำตอบ


โรคหางเปียก
     โรคหางเปียกนับว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับแฮมสเตอร์ก็ว่าได้
     โรคหางเปียกเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการขาดสมดุลของแบคทีเรียในกระเพาะอาหารของแฮมสเตอร์ หรือเกิดจากความเครียด เช่นการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่
     ลักษณะอาการของโรค จะมีการถ่ายเหลวซึ่งจะคล้ายๆกับโรคท้องเสียธรรมดา แต่ท้องเสียธรรมดาอุจาระจะเลอะแค่บริเวณก้น แต่ถ้าเลอะตั้งแต่ก้นจนถึงโคนหาง อุจาระมีสีอ่อน นิ่มเหลว บางครั้งเป็นเมือก มีกลิ่นเหม็นมากกว่าปกติ มีอาการเซื่องซึม อ่อนเพลีย กรีดร้องอย่างเจ็บปวด ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นโรคหางเปียก
     ระยะเวลาของโรค หลังจากแสดงอาการประมาณ 7 วัน แฮมสเตอร์ก็จะเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง
     สิ่งที่ควรทำทันทีที่เห็นอาการ ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด อย่าให้ยาปฏิชีวนะสำหรับอาการท้องเสียธรรมดา เพราะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น

วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อผัก...

     จะมาบอกถึงการเลือกซื้้อผักมารับประทาน ไม่ว่าจะให้คนหรือสัตว์เลี้ยง เพราะปัจจุบันผักที่ปลูกมีหลายรูปแบบ หลายคนอาจยังไม่รู้

     ปัจจุบันผักที่ปลูกมีอยู่ 2 ประเภท คือปลูกแบบออแกนิก กับ ปลูกแบบปลอดสารพิษ

     ถ้าเขียนว่าออแกนิก ผักนั้นจะไม่มีสารผิดใดๆเลย ลักษณะผักจะไม่สวย แต่แพง สามารถรับประทานได้เลย หรือว่าจะนำมาล้างน้ำสักน้ำสองน้ำก่อนก็ได้

     ส่วนผักที่เขียนว่าปลอดสารพิษนั้น ต้องล้างให้สะอาด ล้างหลายๆน้ำ หรือใช้น้ำยาล้างผัก หรือด่างดับทิบล้าง และล้างน้ำเปล่าตามสัก 2-3 น้ำ ผักปลอดสารพิษ เวลาเริ่มปลูกเขาจะฉีดยาป้องกันแมลง ใส่ปุ๋ยเคมี และปลูก แต่ก่อนเก็บ 7 วันเขาจะไม่ใช้สารเคมีใดๆ ดังนั้น คำว่าปลอดสารพิษ ไม่ใช่ว่าไม่มีสารพิษ มี แต่ไม่มีในระยะ 7 วันก่อนเก็บ

"โรคอันตราย..." แฮมสเตอร์สามารถเป็นได้หรือไม่??

      เชื่อได้เลยว่า... หลายคนที่ตัดสินใจเลี้ยงแฮมสเตอร์ แล้วมักจะพบคำถามจากคนในบ้าน หรือคนใกล้ตัว ว่า... "แฮมสเตอร์ก็เป็นหนูชนิดหนึ่ง มันไม่เป็นโรคฉี่หนู กาฬโรค และอื่นๆอีกหลายโรคหรอ?"

       งั้นวันนี้เรามารู้จักโรคเหล่านั้น และจะได้รู้ว่าแฮมสเตอร์สามารถผลิตเชื้อโรคที่หลายคนกำลังสงสัยนั้นได้มั้ย?


โรคกาฬโรค

       กาฬโรคนับว่าเป็นโรคระบาดหลายแรงชนิดหนึ่งที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก การที่คนเราจะได้รับเชื้อกาฬโรคนั้นก็จะต้องถูก "หมัดหนู" ที่มีเชื้อกาฬโรคกัด ซึ่งหมัดหนูนี้จะมาจากหนูที่เป็นพาหนะนำโรค ซึ่งก็คือ "หนูบ้าน" "หนูบ้านสามารถผลิตเชื้อกาฬโรคเองได้" เมื่อหมัดมาดูดเลือดหนูที่มีเชื้อกาฬโรค หมัดก็จะติดเชื้อเหมือนกับยุงลาย เมื่อหมัดมากัดมนุษย์ก็จะทำให้มนุษย์ป่วย แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกวิธี และทันเวลา ก็สามารถหายได้

      สำหรับแฮมสเตอร์ "แฮมสเตอร์ไม่สามารถที่จะผลิตเชื้อกาฬโรคได้" แต่ถ้าเขาถูกหมัดหนูบ้านที่มีเชื้อกัด แฮมสเตอร์ก็จะเป็น "พาหะนำโรคได้" เราจึงต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาดของบ้าน ไม่ให้มีหนูบ้านมาอาศัยอยู่ด้วย และหมั่นดูแลความสะอาดของแฮมสเตอร์ให้ปราศจากเห็บ หมัด และที่สำคัญเวลาไปเลือกซื้อแฮมสเตอร์ ต้องดูให้แน่ใจว่าเป็นร้านที่สะอาด แฮมสเตอร์จึงจะไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อกาฬโรค

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ภาษาสื่อสาร...ของแฮมสเตอร์

    มาดูกันดีกว่า ว่า...ท่าทางที่แฮมสเตอร์สื่อออกมานั้น แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการอะไร


ภาษากาย
ตะกาย , ปีนป่าย
     พยายามหลบหนี หรือต้องการออกไปข้างนอก หรือพยายามขอบางอย่าง
กัดแทะ
     กำลังเบื่อ อยากออกมาเล่นข้างนอกบ้าง หรือกำลังลับฟันไม่ให้ยาวเกินไป
เกาะกรง
     กำลังตั้งใจฟัง หรือขออะไรบางอย่าง
ยืน
     ยืน 2 ขาหูตั้ง กำลังตั้งใจฟัง สนใจอะไรบางอย่าง หรือขออะไรบางอย่าง
     ยืน 2 ขาหูลู่ หวาดกลัว หรือระแวงในสิ่งที่กำลังมองดู

มามามา "มาเรียนรู้ ...สรีระ" ร่างกายแฮมสเตอร์กันดีกว่า

     การศึกษาและรู้จักกับร่างกาย หรือสรีระ หรือรายละเอียดต่างๆ ไว้ก่อน จะช่วยให้เราเข้าใจและเลี้ยงเขาดีขึ้นก็เป็นได้

ตา
     ธรรมชาติได้สร้างให้ตาของแฮมสเตอร์มองเห็นไม่ค่อยดี และเนื่องด้วยตาที่กลมโตและโปนออกมา ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้ในทางตรง แต่จะมองเห็นได้ดีเฉพาะด้านข้างและไกลๆ โดยสามารถมองเห็นได้ในองศาที่กว้างกว่าตาคน แต่จะมองไม่เห็นในระยะใกล้

จมูก
     เป็นอย่างที่รู้ๆกันว่าแฮมสเตอร์มีจมูกที่ดีมาก พวกเขาจะสามารถแยกแยะกันเองได้จากกลิ่น โดยที่เขาจะผลิตกลิ่นเฉพาะตัวออกมา จากต่อมกลิ่นภายในร่างกาย เพื่อใช้บอกว่าใครเป็นใคร และใช้กำหนดอาณาเขตส่วนตัวอีกด้วย ฉะนั้นจมูกของแฮมสเตอร์ถือว่าดีมากถึงขนาดแยกแยะเพศจากกลิ่นได้เลย และนั่นก็เป็นธรรมชาติที่สร้างสรรค์มาเพื่อชดเชยตาที่ไม่ค่อยดี

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แฮมสเตอร์เพศไหน...ดูอย่างไร?

     หลายท่านมักประสบกับปัญหาในการดูแลเพศแฮมสเตอร์ บ่อยครั้งทำให้เวลาไปเลือกซื้อแฮมสเตอร์ มักได้แฮมสเตอร์ในเพศที่ไม่ต้องการ บางท่านอยากได้ต่างเพศ แต่กับได้เพศเดียวกันมาทั้ง 2 ตัว  โดยเฉพาะแฮมสเตอร์ที่อายุน้อยก็จะดูเพศได้ยากหน่อย อย่างไรก็ตามเรามีวิธีดูเพศแฮมสเตอร์อย่างง่ายๆ ดังนี้